00:00:06 → 00:00:10 หลายคนมีเรื่องร้อยแปด ให้ต้องคิดอยู่ตลอดเวลา
00:00:10 → 00:00:13 แค่ไล่ให้ครบว่าต้องทำอะไรบ้างก็ลำบากแล้ว
00:00:13 → 00:00:14 แต่โชคดีที่
00:00:14 → 00:00:18 มีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง ที่เราไม่ต้องกลัวว่าจะหลงลืม
00:00:18 → 00:00:19 นั่นก็คือ การหายใจ
00:00:19 → 00:00:24 เมื่อหายใจ คุณนำออกซิเจน ไปยังเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายเพื่อให้เซลล์ทำงานได้
00:00:24 → 00:00:26 และนำคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการทำงานของเซลล์
00:00:26 → 00:00:29 ออกจากระบบ
00:00:29 → 00:00:31 พูดอีกอย่างก็คือ การหายใจ ทำให้ร่างกายดำเนินต่อไปได้
00:00:31 → 00:00:34 แล้วเราทำเรื่องที่สำคัญและซับซ้อนนี้
00:00:34 → 00:00:36 โดยไม่แม้แต่จะต้องไปคิดได้อย่างไร
00:00:36 → 00:00:39 คำตอบอยู่ที่ ระบบหายใจในร่างกายเรา
00:00:39 → 00:00:43 เช่นเดียวกับเครื่องจักร ระบบนี้ประกอบด้วยหน่วยเฉพาะต่าง ๆ
00:00:43 → 00:00:45 ที่ต้องมีสิ่งกระตุ้น จึงเริ่มทำงาน
00:00:45 → 00:00:49 หน่วยเฉพาะ ได้แก่ โครงสร้างและเนื้อเยื่อต่าง ๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นปอด
00:00:49 → 00:00:53 รวมทั้งอวัยวะในระบบหายใจอื่น ๆ ที่เชื่อมโยงกับปอด
00:00:53 → 00:00:57 การจะให้ระบบนี้ทำงาน จะต้องมีระบบประสาทอัตโนมัติ
00:00:57 → 00:01:01 ซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมกระบวนการที่สำคัญในร่างกาย ในระดับจิตไร้สำนึก
00:01:01 → 00:01:04 ขณะที่ร่างกายเตรียมสูด อากาศที่เต็มไปด้วยออกซิเจนเข้าปอด
00:01:04 → 00:01:08 ระบบนี้จะส่งสัญญาณ ไปยังกล้ามเนื้อรอบปอด
00:01:08 → 00:01:09 ให้กระบังลมหย่อนลง
00:01:09 → 00:01:13 และทำให้กล้ามเนื้อยึดระหว่างซี่โครงหดตัว
00:01:13 → 00:01:16 เพื่อเพิ่มที่ว่างให้ปอดขยาย
00:01:16 → 00:01:18 จากนั้น อากาศจึงไหลเข้าทางจมูกและปาก
00:01:18 → 00:01:20 ไปยังหลอดลม
00:01:20 → 00:01:23 ต่อไปยังหลอดลมขั้วปอด ที่แตกออกเป็น 2 ขั้วตรงปลายหลอดลม
00:01:23 → 00:01:25 แต่ละปลายแยกเข้าสู่ปอดแต่ละข้าง
00:01:25 → 00:01:30 หลอดลมเล็ก ๆ นี้แตกแขนงแยกย่อย ลงไปเรื่อย ๆ เหมือนกิ่งต้นไม้นับพัน
00:01:30 → 00:01:32 เรียกว่า หลอดลมฝอย
00:01:32 → 00:01:34 เราอาจคิดไปว่า ปอดนั้นก็เหมือนลูกโป่งลูกใหญ่
00:01:34 → 00:01:38 แต่แทนที่จะกลวง จริง ๆ แล้วลักษณะภายในคล้ายฟองน้ำ
00:01:38 → 00:01:41 และมีหลอดลมฝอย แทรกอยู่ทั่วไปในเนื้อปอด
00:01:41 → 00:01:46 ที่ปลายหลอดลมฝอยแต่ละอัน จะมีถุงลมปอด
00:01:46 → 00:01:49 ห่อหุ้มด้วยหลอดเลือดฝอย ที่เต็มไปด้วยเม็ดเลือดแดง
00:01:49 → 00:01:52 ซึ่งมีโปรตีนพิเศษ เรียกว่า ฮีโมโกลบิน
00:01:52 → 00:01:54 อากาศที่หายใจเข้าไป จะเติมถุงลมปอดเหล่านี้จนเต็ม
00:01:54 → 00:01:56 ทำให้ปอดขยาย
00:01:56 → 00:01:59 เกิดการแลกเปลี่ยนสำคัญ
00:01:59 → 00:02:02 ณ จุดนี้ หลอดเลือดฝอย จะเต็มไปด้วยคาร์บอนไดออกไซด์
00:02:02 → 00:02:05 ส่วนถุงลมปอดจะเต็มไปด้วยออกซิเจน
00:02:05 → 00:02:07 ตามหลักการแพร่ของสสารพื้นฐานแล้ว
00:02:07 → 00:02:11 โมเลกุลของก๊าซแต่ละชนิด จะอยากเคลื่อนที่
00:02:11 → 00:02:14 ไปยังจุดที่มีความเข้มข้นของก๊าซนั้น ๆ น้อยกว่า
00:02:14 → 00:02:16 ดังนั้น ออกซิเจนจึงแพร่ไปยังหลอดเลือดฝอย
00:02:16 → 00:02:18 และฮีโมโกลบินก็จับออกซิเจนเอาไว้
00:02:18 → 00:02:22 ขณะที่คาร์บอนไดออกไซด์แพร่เข้าสู่ปอด
00:02:22 → 00:02:25 จากนั้น จึงส่งฮีโมโกลบินที่เต็มไปด้วยออกซิเจน ไปยังทั่วร่างกาย
00:02:25 → 00:02:27 ผ่านกระแสเลือด
00:02:27 → 00:02:29 แล้วปอดของเราทำอย่างไรกับ คาร์บอนไดออกไซด์เหล่านั้น
00:02:29 → 00:02:31 ก็หายใจเอามันออกไปสิ
00:02:31 → 00:02:34 ระบบประสาทอัตโนมัติ ก็จะทำงานอีกครั้ง
00:02:34 → 00:02:36 สั่งการให้กระบังลมโก่งตัว
00:02:36 → 00:02:38 และทำให้กล้ามเนื้อยึดระหว่างซี่โครงคลายตัว
00:02:38 → 00:02:42 ทำให้ปริมาตรช่องอกลดลง และบีบปอดทั้งสองข้างให้หดตัวลง
00:02:42 → 00:02:46 ขับอากาศที่มีคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา และเริ่มวงจรการหายใจอีกครั้ง
00:02:46 → 00:02:51 นี่คือกลไกการทำงานของปอด ที่ทำให้ร่างกายมีออกซิเจนใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
00:02:51 → 00:02:55 ปอดหายใจเข้าและออก ราว 15-25 ครั้งต่อนาที
00:02:55 → 00:02:59 คิดเป็นอากาศปริมาณถึง 10,000 ลิตรในแต่ละวัน
00:02:59 → 00:03:02 แม้เป็นงานหิน แต่ไม่ต้องกังวลไป
00:03:02 → 00:03:04 ปอดและระบบประสาทอัตโนมัติของคุณ
00:03:04 → 00:03:05 เอาอยู่